วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

5 เส้นทาง เที่ยวแบบกูรู เรียนรู้ และดูงาน@ เมืองคอน


จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินหน้าบุกตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ หลังประสบความสำเร็จ จาก แคมเปญท่องเที่ยวนครศรี ดี๊ ดี รุกคืบสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อการประชุมและนิทรรศการ เรียนรู้ ดูงาน ฝึกอบรม และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือไมซ์ (M.I.C.E) ภายใต้แคมเปญ "เที่ยวแบบกูรู เรียนรู้และดูงาน @ เมืองคอน” ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการประชุม สัมมนา ศึกษาดูงานของภาคใต้

แคมเปญนี้จังหวัดฯ ได้ผนึกความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดนครศรีธรรมราช การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช ผู้ประกอบการ ชุมชน และองค์กร ท้องถิ่นต่าง ๆ สร้างเมืองนครศรีธรรมราช ให้เป็น “นครแห่งการเรียนรู้ ศึกษา ดูงาน” โดยชุจุดขายความเป็น “นครแห่งธรรม” ทั้งในด้านความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ชุมชนวิถีเกษตรที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิถีแห่งวัฒนธรรม เปิด 5 เส้นทางท่องเที่ยวหลัก ที่ครอบคลุมทั้ง การท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ดูงานเกษตร, เส้นทางศึกษาธรรมชาติและธรรมะ, เส้นทางพักผ่อน และสามารถสร้างความสัมพันธ์ ในองค์กรได้, เส้นทางเพื่อการอบรม สัมมนา ท่องเที่ยวแบบใกล้ ๆ เมือง และเส้นทางเรียนรู้ ดูวิถี วัฒนธรรมท้องถิ่น

นายวิโรจน์ จิระรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า “นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัด ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจ ทั้งในแง่รากเหง้าของวิถีแห่งวัฒนธรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ตัวตนของคนใต้ อุดมไปด้วยศาสตร์ศิลป์ ที่ยากจะมีแหล่งใดเสมอเหมือน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความอุดมสมบูรณ์ หลากหลาย ของทรัพยากรท่องเที่ยว ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังคงความบริสุทธิ์ของธรรมชาติอยู่มาก สามารถนำ เสนอการจัดกิจกรรมที่มีความพิเศษเหมาะกับลูกค้าไมซ์ได้หลากหลาย รวมไปถึงมีที่พักและสถานที่ ในการจัดอบรม ประชุม สัมมนา แสดงนิทรรศการ ด้วยโรงแรมและที่พักตั้งแต่ขนาดใหญ่ 400 ห้อง ไปจนถึงแบบรีสอร์ตหรูใกล้ชิดธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อเป็นรางวัล”

จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างคือ เรื่องของการเดินทาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเส้นทางการเดินทาง ที่สะดวก สบายทั้ง ทางรถยนต์ , รถไฟ และทางเครื่องบิน โดยเฉพาะทางเครื่องบิน จังหวัดฯ มีสนามบินขนาด มาตรฐานที่มีเที่ยวบินให้บริการทุกวัน
“แคมเปญนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนาตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุกของจังหวัด ที่ร่วมบูรณาการกับ ชุมชนในท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมทางกิจกรรมการท่องเที่ยว
ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ตามนโยบาย Creative MICE ของรัฐบาล ด้วยการดึงศักยภาพของพื้นที่ ตลอดจนผลผลิตของแต่ละท้องถิ่นมาพัฒนาให้เป็นพื้นที่สำหรับธุรกิจไมซ์ อันจะนำมาซึ่งการ เพิ่มพูน และกระจายรายได้ให้แก่ท้องถิ่นไปสู่การพัฒนาอย่าง มั่นคง และยั่งยืนต่อไป เป็นการสร้าง โอกาสทาง เศรษฐกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนี้เรามั่นใจว่าการเปิดตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มนี้ จะทำให้ตลาด ท่องเที่ยวของจังหวัดเติบโตเพิ่มขึ้น 70 – 80 เปอร์เซนต์” นายวิโรจน์สรุป

ด้วยความพร้อมที่ตอบโจทย์ในทุกด้าน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว จังหวัดนครศรีธรรมราช มีราคาสมเหตุสมผล “เที่ยวแบบ กูรู มาดูเมืองคอน” 365 วันแห่งความประทับใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nakhonsiawesom.com และ https://www.facebook.com/NakhonsiAwesome

เส้นทางที่ 1 เรียนรู้ ดูงาน ผ่านกูรู 
เส้นทางท่องเที่ยวดูงานด้านการเกษตรที่ นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลิน ชื่นชมความงามในแหล่ง
เกษตรกรรม และศึกษาหาความรู้ทั้งในเชิงวิชาการ และประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมไปถึงชมการสาธิตขั้นตอน การทำการเกษตร ผ่านทางกูรูเกษตรกร ที่พร้อมถ่ายทอดเรื่องราว วิถีเกษตรธรรมชาติที่สัมพันธ์กับ การดำเนินชีวิตของ เกษตรกรและสิ่งแวดล้อม ที่ประยุกต์จากทั้งภูมิปัญญาชาวบ้าน และนวัตกรรม การเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เส้นทางนี้อยู่ในอำเภอลานสกา และอำเภอช้างกลาง โดยเริ่มจากการชม “ชิณวงศ์ฟาร์ม” ฟาร์มปลูกผัก ปลอดสารระบบปิด ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่เริ่มจาก การปลูกผักกระถางภายในบ้าน จนขยายมาสู่ เทคโนโลยี การปลูกผักในระบบปิด จากนั้นมุ่งหน้าสู่ “สวนส้มผู้พัน” เยี่ยมชมแปลงปลูกมะนาวนับพันต้น ที่นำพันธุ์ มะนาวน้ำดี พิจิตร 1 มาทดลองปลูก ในบ่อซีเมนต์ เพื่อควบคุมสภาพแวดล้อม ประกอบกับ ได้อากาศบริสุทธิ์ จากอำเภอลานสกา ซึ่งเป็นหนึ่ง ในอำเภอที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย จึงได้มะนาว ผลโต น้ำดี และให้ผลดก ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ ทางการเกษตรของคนในชุมชน และเกษตรกรทั่วประเทศ ที่แวะเวียน มาคุยกับผู้พัน เจ้าของสวนไม่ได้ขาด เส้นทางนี้นอกจากได้รับความรู้ด้านเกษตรแล้ว ยังมีความรู้จากการ จัดการชุมชนเข้มแข็งของชาวคีรีวงศ์ ที่ขับเคลื่อนและพัฒนาตนเองมาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเครือข่าย รักษ์ป่า สร้างคน กลายเป็นแหล่ง เรียนรู้เรื่องวิถีพอเพียงของชุมชนภาคใต้และ การจัดการ การท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่นักท่องเที่ยว จะได้เรียนรู้ วิถีการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ชมสาธิตการทำ ผ้ามัดย้อม จากสี ธรรมชาติ และวัสดุที่หาได้ ในท้องถิ่น ชมการทำสบู่ และผลิตภัณฑ์ถนอมผิวจากสมุนไพร และเปลือกมังคุด รวมไปถึงเลือกซื้อ สินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากกลุ่มต่าง ๆ   จากนั้นไป วัดธาตุน้อย อ.ช้างกลาง เพื่อเข้าสักการะ พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์  (พระครูพิศิษฐ์อรรถการ)  พระนักพัฒนา ที่ได้สร้างคุณูปการให้กับส่วนรวมทั้ง การสร้างถนน สะพานเพื่อเกิดประโยชน์ในการสัญจรแก่ประชาชน และยังขึ้นชื่อ เรื่องการมีวาจา อันศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้นเป็นที่เลื่องลือ เสริมมงคลให้แก่ชีวิตแล้ว ออกเดินทางไปเขาเหมน พักผ่อนแอบอิงธรรมชาติ ชมความงามแห่งทิวเขา ของป่าดิบชื้น ที่อุดมสมบูรณ์ จนได้รับการขนานนาม ว่าเป็น “ฟูจิยามาเมืองไทย” ด้วยมีอากาศหนาว และมีเมฆ ปกคลุมยอดเขาตลอด ทั้งปี ทั้งยังมีความ สมบูรณ์ของระบบนิเวศน์และธรรมชาติ และยังพบกล้วยไม้ป่า (รองเท้านารี) พันธุ์คางกบใต้ ซึ่งหายาก และพบบนยอดเขาเหมนเท่านั้น รุ่งเช้าออกเดินทางเพื่อไปดู หมู่บ้านต้นแบบ ด้านสาธารณสุขบ้านศาลา สังกะสี ต.ท่าดี อ.ลานสกา  และเยี่ยมชมหมู่บ้านต้นแบบ เศรษฐกิจพอเพียง และโครงการนครเข้มแข็ง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบ ABC” ซึ่งประสบความสำเร็จ ในการพัฒนา คุณภาพชีวิตของประชากร และชุมชน โดยนำบัญชีครัวเรือนพร้อม จัดทำแผนชุมชน มาวิเคราะห์และ แก้ปัญหาภายใต้ ความร่วมมือกันของชุมชนและภาครัฐ
 

เส้นทางที่ 2  สุขกาย สบายใจ ไปกับธรรมะและชาติ 
เส้นทางร่มเย็นที่นักทองเที่ยวจะได้ใช้เวลาในการเข้าถึงความสงบบริสุทธิ์ ของธรรมชาติแห่งเทือกเขา และสายธารน้ำ พร้อมทั้งปฏิบัติธรรมและอบรมจริยธรรมฟังข้อคิดด้านการใช้ชีวิตให้เกิดความสุขที่แท้จริง จากพระอาจารย์ ณ พรหมสิริสถาน คุณแม่สิริ กรินชัย  ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี ต่อจากนั้น เดินทางต่อ เพื่อสัมผัส และดื่มด่ำกับมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ของบริเวณอ่าวกรุงชิง มณีเลอค่าแห่งอำเภอ นบพิตำ  อ่าวกรุงชิงถูกล้อมรอบด้วยแนวเทือกเขาสูง ของอุทยาน แห่งชาติเขาหลวง และอุทยานแห่งชาติ เขานัน มีพื้นที่ราบสูงสลับกับภูเขาที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติ และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร หลายสาย ชมน้ำตกกรุงชิง น้ำตกที่ได้ชื่อว่า เป็นน้ำตก ประวัติศาสตร์ ที่เคยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคอมมิวนิสต์  แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สวยงาม ที่มาของชื่อน้ำตก และอ่าวกรุงชิง มาจากต้นชิง ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ในตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง หลังจากนั้นผ่อนคลายความเหนื่อยเมื่อยล้าด้วยกิจกรรม “ล้างพิษให้ร่างกาย” สูตรศีรษะอโศก และธารา บำบัดแช่ตัว ในบ่อน้ำร้อนธรรมชาติกรุงชิง  ในยามเช้า ตื่นมาสัมผัสสายหมอกบริสุทธิ์ที่ลอยระเรี่ย ยอดไม้ ตามรอยกินรีไปที่ทะเลหมอกกรุงชิง จิบกาแฟหอมกรุ่น บนหลังคาแดนใต้ที่จุดชมวิวเขาเหล็ก เขาเหล็กเคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อน ก่อนจะปิดตัวลงไปในราวปี พ.ศ. 2512 จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยได้ร่วมกันก่อตั้ง “ชุมชนกลุ่ม ทะเลหมอกกรุงชิง” ขึ้นใน ปี พ.ศ. 2548” เพื่อดูแลด้านธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและด้านการท่องเที่ยว เชิงนิเวศ ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีได้รับรางวัลมากมาย ก่อนกลับเข้าเมืองแวะสักการะขอพร หลวงพ่อทันใจ วัดถ้ำเขาเหล็ก เพื่อความเป็น สิริมงคล ก่อนไป ตามรอยประวัติศาสตร์พระเจ้าตากสิน มหาราช ณ วัดเขาขุนพนม ซึ่งกล่าวกันว่า หลังจากสละราชบัลลังก์ สมัยกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ศึกษาพระธรรม และตัดสินใจผนวช โดยเลือกที่จะจำพรรษา ณ วัดเขาขุนพนม โดยมีหลักฐานคือ มีเครื่องทรงกษัตริย์ ที่ยังเหลืออยู่ในวัด และบนถ้ำซึ่งเป็นโพรงใหญ่ สามารถเดินทะลุถึงกันจนถึงยอดเขา และยังสามารถ มองออกไปไกลถึงชายทะเลอ่าวไทย ทำให้มองเห็น หากมีผู้ใดมาบุกรุกจะรู้ตัวก่อน และป้องกันได้ พระองค์จึงอยู่จำพรรษาที่วัดจนถึงสวรรคต


เส้นทางที่ 3   พักผ่อนหย่อนใจ ได้ทีมงาน บริการสังคม
เส้นทางเพื่อการพักผ่อนสบาย ๆ ชายทะเล และสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร โดยมุ่งหน้าสู่ อำเภอท่าศาลา เพื่อไปชมการผลิต เครื่องปั้นดินเผาแบบพื้นเมืองโบราณบ้านมะยิง ที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านผู้เฒ่าผู้แก่ ของชุมชน ที่ยังคงวิถี การทำแบบดั้งเดิม โดยนำภูมิปัญญาจากการปั้นหมอผสานเทคนิคการเผาและสร้าง เตาระบายแบบมอญ มาปรับใช้แทนเตาเผาแบบเดิม ในปัจจุบันเหลือเพียง 3-4 ครัวเรือนที่ยังสืบทอดวิถี ดังกล่าว จากนั้น ออกเดินทางต่อเพื่อเข้าชมพิพิธภัณฑ์หาดทรายแก้ว (ลูกปัดโบราณ) ที่เริ่มต้นจาก ความหลงใหล และสนใจสะสมของโบราณของนางยิ้ม เรืองดิษฐ์ และรับซื้อจากชาวประมงที่นำขึ้น มาจากซากเรืออัปปาง ใต้ทะเล มีทั้งเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ลูกปัด ถ้วยชาม และเครื่องมือทำมาหากิน มากกว่า 10,000 ชิ้น  ออกเดินทางต่อไปเยือนหาดหินงาม หรือที่คนนครเรียกติดปากว่า หัวหินสิชล ด้วยลักษณะเป็นหาดหิน โค้งยาวขนานกับแนวคลื่นที่ซัดน้ำทะเลเข้าสู่ชายฝั่ง เติมพลังด้วยอาหารทะเลสด ๆ ทั้งที่ปรุงด้วยเมนูพื้นบ้านสูตรจัดจ้านแบบชาวใต้แท้ ๆ หรือจะนึ่ง ปิ้ง ย่าง จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ เดินทางต่อไปยังอำเภอขนอม ก่อนเข้าที่พักแวะผ่อนคลาย สบายเท้า ด้วยการหย่อนขาลง ในธารน้ำ ธรรมชาติ ใสแจ๋ว ให้ปลาตัวเล็ก ๆ นับร้อยช่วยกันบำบัด ที่สปาปลาในธารน้ำธรรมชาติ  ที่อ.ขนอมนี้มี รีสอร์ทแนบชิดธรรมชาติให้เลือกพัก ทั้งในบรรยากาศสดใสชายทะเล หรือในบรรยากาศอบอุ่น ในอ้อมกอด ของขุนเขา และพร้อมเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรม และการสร้างทีมความสัมพันธ์ให้องค์กร  ร่วมปาร์ตี้ยามค่ำคืนกับผองเพื่อนบนหาดทรายสีทอง โอบล้อมด้วยท้องทะเล แห่งความสุข ในคืน พระจันทร์สุก ‘Ample Moon” เหนือฟากฟ้าทะเลขนอม   รับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าเดินทางสู่ หมู่บ้าน แหลมประทับ เพื่อออกล่องเรือชมโลมาสีชมพู และชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินผาที่ เขาพับผ้า  อายุราว 265 ล้านปี   เสริมศิริมงคลให้ชีวิต สักการะการหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและ ชมปาฏิหาริย์ บ่อน้ำจืด กลางทะเล บริเวณหาดหินตีนเกาะนุ้ยที่จะปรากฏให้เห็นเมื่อน้ำทะเลลดลงต่ำ กว่าบริเวณปากบ่อ เท่านั้น  ร่วมกิจกรรมพิเศษ“รักษ์โลมา รักษ์สิ่งแวดล้อม” เพื่อคืนธรรมชาติด้วยสองมือ ของเราด้วยการ ปลูกหญ้า ทะเล เพื่อเป็นแหล่งอาหาร ที่วางไข่ หรือหลบภัยให้กับสัตว์น้ำ ทั้งยังช่วยปรับปรุง คุณภาพน้ำ ให้ดียิ่งขึ้น อีกด้วย


เส้นทางที่ 4  ประชุม อบรม สัมมนา พาเพลิน เที่ยวได้ ง่าย ๆ ใกล้ เมือง
เส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาพักผ่อนเพียงไม่กี่วันโดยจะออกเดินทางไปอำเภอปากพนัง   ซึ่งอยู่ห่าง จากอำเภอเมืองเพียง 30 กิโลเมตร เยี่ยมชมสวนส้มโอทับทิบสยามของขึ้นชื่อของจังหวัด ที่ไร่สวัสดิสุข ซึ่งเป็นสวนส้มโอที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ซึ่งหมายถึงว่า ส้มโอ “ทับทิมสยาม” ของแท้ ต้องมาจาก ลุ่มน้ำปากพนัง ต่อจากนั้นเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริพัฒนาพื้นที่ ลุมน้ำปากพนัง ล่องเรือชมชีวิตริมน้ำ ของชาวปากพนัง ตลอดสองชายฝั่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในสายน้ำ มีทั้งการเลี้ยงปลาชายฝั่ง และการทำประมง พื้นบ้าน เลียบฝั่งดูคอนโดนกนางแอ่นที่ถูกขนานนามว่า เมืองหลวงนกแอ่น พร้อมชม ความอุดมสมบูรณ์ ของป่าชายเลนต่อด้วยสัมผัสถนนคนเดิน เพลิดเพลินกับตลาด 100 ปี ชาวบ้านยังคง วิถีชุมชนไว้เหมือน ในอดีต ผู้คนยังใช้ชีวิตเรียบง่าย พร้อมชิมอาหารทะเลสด ๆ และช็อบของฝากลือชื่อจากปากพนัง อาทิ รังนกแท้ ปลาบอกร้า และกลับมาพักผ่อนสบาย ๆ ในเมือง พร้อมรับรุ่งอรุณอันสดใส เพื่อไปสัมผัส วัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์แห่งเมืองลิกอร์ในวันรุ่งขึ้น


เส้นทางที่ 5  เรียนรู้ ดูวิถีชีวิต ผลิตภัณฑ์ชุมชน
เส้นทางท่องเที่ยวสายนี้ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้และสัมผัสความพิสุทธิ์แห่งธรรมชาติ และ การดำเนิน วิถีชีวิตแบบเรียบง่ายโดยอาศัย ภูมิปัญญา มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน เริ่มต้นการเดินทาง ด้วยการมุ่งหน้าสู่อำเภอชะอวด ไปดูวิถีการทอผ้า ของชาวบ้านเนินมวง อีกหนึ่งศิลปะพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง รู้จักกันตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์ เพราะในอดีตผ้าทอเหล่านี้ใช้ได้เฉพาะเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ในวัง ใช้สวมใส่ ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และคหบดีใช้แต่งกายในโอกาสพิเศษเท่านั้น   แต่ปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาสืบทอดจนได้รับรางวัลโอท็อป 5 ดาว   ร่วมชมงานหัตถกรรมจากภูมิปัญญา ของชาวบ้าน รอบป่า พรุควนเครง ที่นำกระจูด ต้นไม้ที่เติบโตรอบพรุครวนเครง นำลำต้นมาจักสาน ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ จากธรรมชาติที่เหนียวนุ่มและระบายความร้อนได้ดี จนกลายเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อ  นอกจากนั้นสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในชุมชน ที่เกื้อกูลกัน มีการตั้งกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะ และถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ยามบ่ายออก เดินทางลัดเลาะธรรมชาติไปเยี่ยมชม อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ณ อำเภอทุ่งสง อีกหนึ่งเส้นทางมหัศจรรย์ ของป่าฝน ที่ได้รับรางวัลกินรี  ด้วยมี ลักษณะเป็นพื้นที่เทือกเขาสูงทอดยาวสลับซับซ้อนจึงมีทิวทัศน์ ที่สวยงามมีอากาศค่อนข้างเย็น มีฝนตก เกือบตลอดปี จึงทำให้มีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์ป่าที่หายากในบริเวณนี้ พักผ่อนคลาย ความเหนื่อยล้า เดินเล่นชมวิถีชีวิตยามเย็นของชาวทุ่งสง เมืองค้าขายและศูนย์กลางขนส่งสินค้า ที่สำคัญเป็นอันสองขอจังหวัด ก่อนรับอรุณวันใหม่ด้วยการไปสักการะ พระโพธิสัตว์กวนอิม มูลนิธิซำปอกง ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อนเข้าเยี่ยมชมศูนย์แพทย์ แผนไทยบ้านช่องเขา อำเภอร่อนพิบูลย์ ที่มีแนวทางการบำบัดและรักษาร่างกายด้วยการ ใช้ศาสตร์ทั้งไทยและจีน ถือเป็นภูมิปัญญาแห่ง โลกตะวันออกแบบผสมผสาน ปรับสมดุลของร่างกาย นวดเท้า นวดตัว อบสมุนไพร หรือวารีบำบัด จนได้รับรางวัล ศูนย์แพทย์แผนไทยยอดเยี่ยม ของสมาคม แพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย
 “เกิดมาหนึ่งชาติ ขอได้กราบพระบรมธาตุเมืองนคร” เมื่อมีโอกาสมาเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช กิจกรรม สำคัญที่ถือว่า จะขาดเสียไม่ได้เลยคือ การไป สักการะพระบรมสารีธาตุ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยรอบองค์ พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อความเป็น สิริมงคล ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ มรดกโลก เพิ่งให้การรับรองเข้าสู่บัญชีเบื้องต้น เพื่อพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556   ต่อด้วยเยี่ยมชม บ้านท่านขุน  รัฐวุฒิวิจารณ์ ตรงข้ามวัดพระมหาธาตุ บ้านเรือนไทย ใต้ถุนสูงทรงปั้นหยาอายุมากกว่า 108 ปี  และหากมี เวลาก็อาจแวะเวียนไปชม พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง แห่งแรกของเมืองไทย ที่บ้านนายหนังสุชาติ ทรัพย์สิน หรือเรียนรู้วิถีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ทำความรู้จัก กับ อาณาจักรตามพรลิงค์ และมืองลิกอร์ ที่ พิพิธภัณฑ์เมือง ตั้งอยู่ที่สวน สาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) พิพิธภัณธ์แบบมัลติมีเดีย ที่ได้รับรางวัลกินรีเมื่อปี 2551 ที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ อย่างทันสมัย น่าติดตาม ปิดท้ายด้วยการ แวะไปชมการผลิต เครื่องถม เครื่องเงินเมืองนคร งานศิลปหัตถกรรมคู่เมือง ที่ ถนนหัตถกรรมท่าช้าง ย่านดังที่รวบรวมงาน ฝีมือของหลากชุมชนมาจำหน่าย ทั้ง ผ้าทอเมืองนคร เครื่องเงิน เครื่องถมเงินถมทอง สินค้าจักสาน และสินค้าพื้นเมือง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น